โรคกระดูกพรุน ภัยร้ายต่อผู้สูงอายุ

ช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาลวันแม่ ซึ่งลูกๆ ทุกคนก็คงอยากดูแลคุณแม่ของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และแน่นอนว่าพออายุมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ มากขึ้น และอีกโรคหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคือ โรคกระดูกพรุน โดยวันนี้หมอมีข้อมูลดีๆ มาแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่านกัน เพื่อนำไปใช้ดูแลคุณพ่อ-คุณแม่ของตัวเอง

ถาม: อะไรคือโรคกระดูกพรุน?

ตอบ: โรคกระดูกพรุนคือโรคของกระดูกที่มีความแข็งแรงของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกนั้นเสี่ยงต่อการหักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง กระดูกต้นแขนส่วนที่ติดกับไหล่ และกระดูกปลายแขนส่วนที่ติดกับข้อมือ ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้เป็น

  1. โรคกระดูกพรุนปฐมภูมิ (Primary osteoporosis) เกิดจากร่างกายซ่อมสร้างกระดูกได้น้อยลงตามอายุขัย โดยเฉพาะในสตรีวัยหมดประจำเดือนซึ่งสมดุลฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้ง่ายเป็นพิเศษ จึงเรียกว่าโรคกระดูกพรุนในวัยหมดประจำเดือน (Postmenopausal osteoporosis)
  2. โรคกระดูกพรุนทุติยภูมิ (Secondary osteoporosis) คือภาวะที่ความผิดปกติอื่นใดทำให้มีการสร้างกระดูกลดลง ไม่ว่าจะเป็นโรคต่างๆ (เช่นโรคของต่อมไทรอยด์และพาราไทรอยด์ รูมาตอยด์ เบาหวานแต่กำเนิด ฮอร์โมนเพศผิดปกติ โรคไต โรคถุงลมโป่งพอง ฯลฯ) การขาดสารอาหาร(เช่นขาดการบริโภคแคลเซียมและวิตามินดี โรคระบบการดูดซึมอาหารผิดปกติ โรคทางจิตเวชที่ทำให้การบริโภคลดลง) การใช้ยา(เช่นสเตียรอยด์ ยาต้านการซึมเศร้าและยาต้านการชักบางชนิด) หรือการใช้สารเสพติด (บุหรี่ สุรา)

ถาม: เราจะตรวจได้ไหมว่าเรามีภาวะโรคกระดูกพรุน

ตอบ: ตรวจได้โดยวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกของเรา (Bone Mass Density, BMD) โดยใช้เครื่องวัดความหนาแน่นกระดูกส่วนกลางของร่างกาย(Axial DXA) เทียบกับความหนาแน่นของมวลกระดูกของประชากรวัยหนุ่มสาว

หากไม่มีโอกาสตรวจโดยใช้เครื่องตรวจมวลกระดูก สามารถประมาณความเสี่ยงของการกระดูกหักได้โดยใช้ FRAX score (สำหรับประชากรไทย)ซึ่งสามารถคำนวณได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเชฟฟีลด์ตาม QR code ในบทความนี้โดยหากคำนวณแล้วพบว่ามีความเสี่ยงปานกลางควรตรวจด้วยเครื่องวัดความหนาแน่นมวลกระดูก ส่วนหากคำนวณแล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูงควรเริ่มรักษาโรคกระดูกพรุน

ถาม: ใครบ้างที่มีควรรับการคัดกรองโรคกระดูกพรุน?

ตอบ: บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้ควรตรวจความหนาแน่นกระดูกด้วยเครื่องวัดความหนาแน่นกระดูก (DXA) เพื่อคัดกรองว่ามีภาวะโรคกระดูกพรุนหรือไม่ ได้แก่

ถาม: ควรจะปฏิบัติตัวเช่นไรในการป้องกันโรคกระดูกพรุนและภาวะที่เกี่ยวข้อง?

ตอบ: ควรจะปฏิบัติตนตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

เมื่อใดที่ต้องรับการรักษาโรคกระดูกพรุนอย่างต่อเนื่อง?

ตอบ : แพทย์อาจพิจารณารักษาโรคกระดูกพรุนอย่างต่อเนื่องโดยการใช้ยาและวิธีการอื่นๆ เมื่อมีข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาว่าควรเริ่มต้นการรักษาเมื่อไรและใช้วิธีใดการรักษานั้นขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของไข้ซึ่งต้องปรับให้เข้ากับสภาพของผู้ป่วยแต่ละคนตามความเหมาะสม

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน ในการดูแลและป้องกันทั้งตัวเองหรือคนที่คุณรัก ให้ห่างไกลจากโรคกระดูกพรุน และถ้าท่านใดต้องการเข้ารับการตรวจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากหมอได้ครับ

เอกสารอ้างอิง

บทความโดย
นพ.สลักธรรม โตจิราการ

ปัจจุบันโรคข้อเข่าเสื่อม พบได้มากขึ้นโดยเฉพาะในบุคคลที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น อย่างผู้สูงอายุ ที่มักพบว่ามีอาการปวดเข่า เดินได้น้อยลง ทำงานได้น้อยลง ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม ปัญหาเกิดจากส่วนพื้นผิวในการหล่อลื่นของเข่ามีการสึกหรอลง และหากการสึกหรอมีอัตราเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งกระดูกอ่อนหายไปหมดลึกลงโดนตรงบริเวณที่เป็นกระดูกแข็ง ซึ่งใต้กระดูกแข็งจะมีเส้นประสาทอยู่ ก็จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บค่อนข้างมาก เกือบตลอดช่วงเวลาที่มีการเดิน สาเหตุอื่นๆ ดังนี้...

อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

การออกกำลังกายที่เหมาะสม

กรณีที่ผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยว่าเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว ให้เน้นออกกำลังกายที่เป็นการสร้างกล้ามเนื้อ บริเวณข้อเข่า การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รอบๆข้อเข่า ก็ช่วยทำให้กระดูกอ่อนรับภาระลดลง  

แนวทางการรักษา

บทความโดย
นพ.สลักธรรม โตจิราการ

รับชม Video เพิ่มเติม :


ภาวะข้อเข่าเสื่อม...รู้ทัน ป้องกันได้ !! 

1. โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร ?

ข้อเข่าเสื่อม เป็นภาวะของโครงสร้างข้อเข่า ที่มีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น กระดูกอ่อน เอ็นที่อยู่รอบๆ ข้อเข่า  มีความเสื่อมจากการใช้งาน ซึ่งสามารถเกิดจากการใช้งานที่มากกว่าปกติ หรือตามปกติก็ตามและภาวะข้อเข่าเสื่อมเหล่านี้ จะทำให้การทำงานของข้อเข่าทำงานได้ไม่ดีนัก 

2. สาเหตุการเกิดข้อเข่าเสื่อม
          สาเหตุสามารถเกิดได้จากกรณีทั่วไป ตามอายุ หรือตามกิจกรรมที่ทำที่มากเกินไป และปัจจัยอื่น ๆ เช่น การที่มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ซึ่งการที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม จะส่งผลทำให้แรงที่ไปกระทำต่อข้อเข่ามากขึ้น ประมาณ 4 กิโลกรัม ต่อทุกก้าวที่เราเดินหรือทำกิจกรรม

3. อาการเตือน ภาวะข้อเข่าเสื่อม
          - มักมีอาการปวด กร๊อบแกร๊บ บริเวณข้อเข่า ขณะเดิน หรืออยู่เฉยๆ
          - มีอาการเสียวข้อเข่า ขณะเดิน หรืออยู่เฉยๆ

4. เมื่อไหร่ควรตรวจคัดกรองข้อเข่าเสื่อม ?
          การตรวจคัดกรองข้อเข่าเสื่อมสามารถตรวจได้ แต่ช่วงอายุที่แนะนำคือ อายุ 50 ปี ขึ้นไป และในเพศหญิง ควรตรวจคัดกรองข้อเข่าอย่างยิ่ง เนื่องจาก มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย 2 เท่า หรือผู้ที่มีอาการปวดเข่า เสียวเข่า แนะนำให้ควรมาตรวจอย่างยิ่ง

5. วิธีการป้องกันข้อเข่าเสื่อม

บทความโดย
นพ.สลัธรรม โตจิราการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน

ตั้งค่าคุกกี้